การเลือกอาหารที่เหมาะสมในการช่วยทำให้การพัฒนาการเด็กดีขึ้นจริงหรือ?
อาหารนั้นนอกจากมีส่วนช่วยในเรื่องพัฒนาการของลูกตามวัยแล้ว ยังมีผลต่อพัฒนาการสมองของลูกเราอีกด้วย ถ้าอยากให้ลูกเราฉลาดนั้นต้องมีความเข้าใจในเรื่องเล็กน้อยต่อไปนี้ซักนิดก่อนว่า.. ความฉลาดของเด็กนั้นขึ้นอยู่กับกลไกการทำงานของสมอง สมองเป็นอวัยวะหนึ่งที่ต้องการสารอาหารพิเศษมากกว่าความต้องการทางด้านร่างกาย ดังนั้นถ้าหากเราต้องการให้บุตรหลานอันเป็นที่รักของเราฉลาด ก็ต้องเริ่มจากการป้อนอาหารในการบำรุงสมองของลูก อย่างไรก็ตามการพัฒนาสมองของเด็กนั้นสามารถกระทำได้ตั้งแต่เด็กอยู่ในช่วงวัยแรกเกิด อาหารสมองที่ดีที่สุดนั่นก็คือ “นมแม่” ซึ่งในรายงานพบว่าเด็กที่กินนมแม่นั้นจะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่กินนมวัวประมาณ 10 จุด
“แล้วถ้าเป็นนมวัวที่มีส่วนผสมของ DHA ในโฆษณาทีวีจะช่วยชดเชยเหมือนนมแม่ไหม?”
นั่งยันเก้าอี้คอมพิวเตอร์ตัวนี้ตอบได้เลยว่า ไม่จริง แท้จริงแล้วนั้น DHA กับ ARA ในนมผสม เป็นเพียงแค่ความพยายามที่จะทำให้นมผสมคล้ายนมแม่ ขอพาผู้อ่านย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 นมผสมซึ่งผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มมีการเติม DHA(Docosahexaenoic acid) และ ARA(Arachidonic acid) ทั้งสองชนิดนี้ก็คือกรดไขมันประเภทหนึ่งซึ่งมีอยู่ในนมแม่อยู่แล้ว แต่การเติมสารสองตัวนี้เป็นการพยายามเพื่อที่จะเลียนแบบนมแม่ให้มากที่สุดดังขั้นต้นที่ได้กล่าวมา ทำให้คุณแม่มือใหม่เข้าใจว่านมผสมดังกล่าวมีประโยชน์เหมือนกับนมแม่ และจากการโฆษณา ทาง FDA(องค์การอาหารและยา) ไม่ยืนยันความปลอดภัยโดยมีรายงานบันทึกสาเหตุการตายว่า เป็น SIDS(Sudden Infant Death Syndrome), การติดเชื้อ หรือ NEC (ภาวะลำไส้เน่าในทารก) อื่นๆเช่น ท้องเสีย ท้องอืดมีลมในท้อง ตัวเหลือง หยุดหายใจ จากการได้รับกรดไขมันดังกล่าว
กลับมาในเรื่องอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาสมองในเด็กเล็ก
1. ข้าวกล้อง - ในข้าวกล้องนอกจากจะมีวิตามินบีหลายชนิด ยังมีอีกตัวชื่อ GABA ซึ่งเป็นสื่อนำประสาทในสมอง จำเป็นอย่างยิ่งในด้านการเรียนรู้ ส่งผลต่อความนึกคิดและการวิเคราะห์ของสมอง ส่งผลโดยตรงที่จะทำให้เด็กฉลาด
2. ผักสด ผลไม้สด - แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีนและวิตามินซี หากร่างกายแข็งแรงก็ไม่บั่นทอนสุขภาพในการเรียนรู้
3. โปรตีน – มีส่วนในการสร้างเครือข่ายเชื่อมต่อเซลล์ประสาท แต่ไม่ต้องถึงกับต้องกินมากมาย และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดื่มนมวัวอีกด้วย สำหรับเด็กๆในทุกช่วงอายุต้องการโปรตีนในปริมาณเทียบเท่าน่องไก่
2 น่อง/วัน ก็เพียงพอสำหรับสมองแล้ว โปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับเด็กคือโปรตีนที่ได้จาก ปลา นอกจากย่อยง่ายแล้ว ปลายังมีน้ำมันโอเมก้า3(EPA,DHA) และทอรีน ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาการของสมอง ในเรื่องของการเชื่อมโยงเครือข่ายของเซลล์สมอง
4. ออกซิเจน – ออกกำลังกาย สามารถทำให้เลือดฉีดแรงขึ้น สมองได้ออกซิเจนมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้สดชื่น พร้อมที่จะเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ
5. ให้ลดอาหารที่ไม่มีประโยชน์ พวกขนม หรืออาหารขยะ – จากข้อมูลพบว่าเด็กที่กินอาหารขยะ จะมีผลการเรียนต่ำกว่าเด็กที่กินอาหารที่มีคุณค่าสูง เพียงแค่งดอาหารประเภทนี้ให้น้อยลง หรืองด ผลการเรียนเด็กในกลุ่มนี้ดีขึ้น
Duo Angle
ร้านKidsza จำหน่าย ของเตรียมคลอด สินค้าเด็กอ่อน ของใช้เด็ก ของเล่นเด็ก ร้านแม่และเด็ก เซตเตรียมคลอด ของใช้คุณแม่ เป้อุ้มเด็ก กระเป๋าสัมภาระคุณแม่ สระน้ำเป่าลม ห่วงยางเด็ก
เสื้อผ้าเด็ก ถุงเท้าเด็ก เครื่องแต่งกายเด็ก โมบายเด็ก หนังสือเด็ก ผ้าซับน้ำลาย ผ้าคลุมให้นม
ยางกัดยีราฟโซฟี แผ่นรองคลาน รถเข็นเด็ก คาร์ซีท Camera Pigeon เครื่องปั๊มนม Spectra ของใช้เด็กอ่อน