ธุรกิจ Dropship คืออะไร??
วันนี้จะมาบอกกล่าวเล่าถึงในธุรกิจ Dropship ที่นิยมมากในต่างประเทศ และกำลังได้รับความสนใจไทยไทยเช่นเดียวกัน แต่หลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า แล้วมันเป็นอย่างไร เหมือนการขายประกัน หรือเครื่องกรองน้ำที่มาเคาะประตูตามบ้านไหม หรือเหมือนกับการที่เราต้องออกจากประจำมาเดินเร่ขายของไหม งง สับสน แต่อยากมีงานทำนะ แต่ไม่มีเงินลงทุน ไม่มีเวลามากพอด้วย งานประจำก็มี ลูกก็มีไม่ค่อยมีเวลาค่ะ มีวันนี้ 2-3 ชั่วโมงก็เล่นเฟส อินตราแกรม เปิดเวปนู่นนี่ก็หมดละ 3 ชั่วโมง ไม่ค่อยได้สาระอะไรแถมยังเสียเงินไปกับการช๊อปปิ้งด้วย เกริ่นมาซะขนาดนี้แล้วก็ลองมาทำความรู้จักกันในรูปแบบที่เข้าใจง่ายละกัน
จากการที่เกิดธุรกิจค่าขายสินค้าในอินเตอร์เนตเริ่มแพร่หลายขึ้น หลายคนซื้อก็มี หลายคนขายก็มีเช่นเดียวกัน หลายๆคนก็อยากหาเงินโดยการขายสินค้าบ้าง แค่ถูกจำกัดด้วยปัจจับหลายอย่าง อาทิ งบ(อันนี้สำคัญ) สถานที่ การเดินทาง และเวลา เป็นต้นทำให้เกิดธุจกิจDropship ขึ้นมา
ข้อดีของการที่ทำDropship
1. ไม่ต้องลงทุน ไม่มีค่าบริการ มีสินค้าในโลกนี้ให้เลือกมากมาย เพียงแต่คุณมีวิธีการขายที่โดดเด่นก็สามารถทำยอดขายได้ เผลอๆได้มากกว่าร้านค้าที่มีสต๊อคสินค้าจริงอีกด้วย
2. ไม่ต้องมีสินค้านั้นๆในมือ ก็เสมือนมีสินค้านั้นๆในมือ เป็นการลดปริมาณพื้นที่ในบ้านหรือร้านของเราที่ไม่ต้องเผื่อไว้เก็บของ หรือต้องกังวลเรื่องสัตว์แมลงสิ่งสกปรก เพราะข้อมูลสามารถได้จากผู้ให้บริการรวมถึงรูปภาพที่ไม่ต้องถ่ายเองอีกด้วย
3. ลดต้นทุนรวมไปถึงความเสี่ยงในการทำธุรกิจ เพราะเกิดจากการลงทุนเริ่มต้น 0 บาท ใช้เพียงเวลาที่เราเสียไป อาจจะวันละ 2-3 ชม ในการลงสินค้าในช่องทางการขายต่างๆของคุณเอง อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นแล้วแต่กลยุทธิ์แต่ละคนค่ะ ฉะนั้น หากดูกราฟความเสี่ยงจึงเป็น 0 ค่ะ
4. ไม่ต้องปวดหัว หรือกังวลเรื่องคุณภาพ หรือตำหนิของสินค้า เพราะคุณจะได้รับการการันตีแล้วว่า สินค้ามีคุณภาพดีจริง รับประกันสินค้าให้ด้วย ในกรณีที่เสียจากการผลิตยินดีเปลี่ยนให้ฟรี
5. มีฐานข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลูกค้าติดในชื่อของตนเอง และการให้บริการการขาย ทำให้ต่อยอดในธุรกิจอื่นๆได้อีก
6. การเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและไวกว่า ทำให้ลูกค้าที่อยู่ในวงแคบๆเราก็สามารถหาได้เจอและเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดได้ดีกว่าในเมื่อ มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียเช่นกัน
ข้อเสียของการที่ทำDropship
1. คู่แข่งเยอะ เพราะเป็นธุรกิจที่ใครๆก็ทำได้ เมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ ทำให้มีคู่แข่งเยอะ เราจึงควรพัฒนาเรื่องคุณภาพและการใช้บริการแทนที่จะมาตัดราคากัน เพราะราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการที่ลูกค้าจะเลือกซื้อของเราเป็นอย่างเดียว อาศัยการบริการเป็นหลักด้วย
2. ต้องใช้ความพยายาม และความขยันหน่อย ในการหาลูกค้า อาจจะหาได้จากใกล้ตัวหรือกลุ่มคนเล็กๆ สร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อต่อยอดไปสู่ฐานข้อมูลลูกค้าในวงกว้างขึ้นได้
3. อาจเจอร้านที่ไม่ดี คือมีการตัดตอน ติดต่อลูกค้าเอง (เช่น การใส่ที่อยู่ร้านไปในกล่อง หรือโทรไปหาลูกค้าเอง) พูดง่ายๆคือหักหลังนั่นเอง ฉะนั้นจึงขอให้เลือกร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือด้วยนะคะ เตือนด้วยความหวังดีจ้า จรรยาบรรณการขายเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
เมื่อทราบถึงข้อดีข้อเสีย แล้วลองมาดูกระบวนการกันดีกว่าค่ะ
1. Dropship ทำการสมัครสมาชิก ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่มีค่าเปิดยอด (แต่มีระบบสะสมยอด หากทำยอดได้ ก็จะได้รับส่วนลด สูงสุดถึง 10% จากราคาลดหน้าร้านเลยทีเดียว)
2. Dropship นำสินค้าในร้านไปจำหน่ายตามช่องทางต่างๆ
3. เมื่อมีออเดอร์เข้ามาให้มาสั่งสินค้าจากระบบหน้าร้าน(ที่มีสต๊อคจริงทุกรายการ)
4. รอลูกค้าDropshipโอนเงินให้Dropship แล้วDropshipก็โอนเงินให้ทางร้าน จะทำการจัดส่งสินค้าในนามร้านDropship ทันที
5. ลูกค้ารอรับสินค้า
ภาพแสดงอธิบายอย่างง่าย
การสั่งสินค้า ///// ลูกค้าสั่งสินค้า --> Dropshipสั่งสินค้า --> ร้านค้า(รับออเดอร์)
การชำระเงิน ///// ลูกค้าชำระเงินค่าสินค้า --> Dropshipชำระเงินค่าสินค้า(หักค่าส่วนต่างไป) --> ร้านค้า(รับเงิน)
การส่งสินค้า ///// ร้านค้าส่งสินค้า(ในนามDropship) --> ลูกค้ารับสินค้า
สุดท้าย ท้ายสุด การทำธุรกิจอะไรก็ตามหากมีความมุ่งมั่น อะไรก็จะสำเร็จค่ะ เหมือนสุภาษิตที่ว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ขอให้ทุกท่านเฮงๆรวยๆ ค่ะ
ร้านKidsza จำหน่าย ของเตรียมคลอด สินค้าเด็กอ่อน ของใช้เด็ก ของเล่นเด็ก ร้านแม่และเด็ก เซตเตรียมคลอด ของใช้คุณแม่ เป้อุ้มเด็ก กระเป๋าสัมภาระคุณแม่ สระน้ำเป่าลม ห่วงยางเด็ก
เสื้อผ้าเด็ก ถุงเท้าเด็ก เครื่องแต่งกายเด็ก โมบายเด็ก หนังสือเด็ก ผ้าซับน้ำลาย ผ้าคลุมให้นม
ยางกัดยีราฟโซฟี แผ่นรองคลาน รถเข็นเด็ก คาร์ซีท Camera Pigeon เครื่องปั๊มนม Spectra ของใช้เด็กอ่อน